- ผลิตเพียง 1,969 เรือนในโลกตามปี ค.ศ.ที่ Apollo
- Case ขนาด 42mm ทำด้วย Titanium Grade 2 น้ำหนักเบาทั้งตัวเรือนและฝาหลัง
- ขอบ Bezel ด้วยทอง 18K ที่ Omege ตั้งชื่อว่า "Sedna Gold" เพราะมันมีสีแดงราวกับดาว Sedna (ดาวเคราะห์น้อยสีแดงที่อยู่ห่างไกล จนต้องใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบรอบทุก 11,400 ปี)
- ขอบ Tachymetre ทำด้วย Ceramic ซึ่งก่อนหน้านี้ Speedmaster จะใช้เพียงแผ่น Film บนอลูมิเนียมทำเท่านั้น แต่เรือนนี้ทำด้วย Ceramic - จุดที่เด่นมากคือ แผ่นหน้าปัดที่ Omega ใช้ PVD สีเทามาแกะสลักลายด้วย Laser ทั้งแผ่นทำให้สีบนหน้าปัดเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์ที่ถูกประทับรอยเท้าของผู้มาเยือนเป็นครั้งแรก แต่
- Maker หลักตัวเลข และเข็มทั้งหมดที่ทำด้วยทอง Sedna เช่นกัน
- Omega เลือกใช้สาย Nylon สีน้ำตาลแบบ NATO แต่ทำมาแบบหนานุ่มสวยงาม เพื่อให้ระลึกถึงการใช้งานจริงของภาระกิจนอกอวกาศ นักบินอวกาศต้องสามารถปรับขนาดสายได้อย่างง่าย
- เครื่อง Caliber 1861 ที่ Omega เชื่อว่าเป็นเครื่องที่ดีมากเนื่องจากผ่านการทดสอบทรหดของ NASA ในช่วงเวลานั้น และชนะคู่แข่งสำคัญทุก Brand จนเป็นนาฬิกาข้อมือยี่ห้อเดียวที่ได้รับเลือกให้ใช้ในโครงการอวกาศแห่งมนุษย์ชาติในช่วงเวลานั้น