AUDEMARS PIGUET
สมัยยังเป็นวัยรุ่นทีนเอจอยู่มัธยมปลาย ในยุค90 พวกเราชาวสามย่านมักนิยมพากันไปเดินเล่นแถวสยามสแควร์บ่อยๆเพราะอาศัยว่าใกล้โรงเรียน เดินเที่ยว กินขนม ชมสาว ช้อปปิ้งกันตลอดแต่ขอโทษครับเป็นวินโดว์ช้อปปิ้งเสียเกือบทั้งหมดนะครับ ก็เงินรายสัปดาห์ของนักเรียนมัธยมหลักร้อยจะทำอะไรได้ พอเดินเล่นแถวสยามสแควร์ก็ไม่พ้นสถานที่ยอดฮิต ใต้โรงหนังในสยามสแควร์ ทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านดัง ส่องเสื้อผ้าร้านในสยามเซ็นเตอร์ และ ถ้าจะเดินเลยไปกินอาหารที่ฟู๊ดคอร์ดแสนอร่อยของห้างมาบุญครอง ก็ต้องผ่านหัวมุมถนนสี่แยกถนนปทุมวันที่มีศูนย์จำหน่ายนาฬิกาอยู่ แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นที่รักนาฬิกาแม้ไม่มีเงินซื้อ ก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปผ่านตู้ดิสเพลย์หน้าร้านทุกๆตู้ ที่จำได้คือมีแบรนด์โอเมก้า ในตู้มีหุ่นโมเดลยานอพอลโลกับมนุษย์อวกาศ ตู้โชว์นาฬิกาทิสโซ่ที่มีนาฬิกาตัวเรือนทำจากหินธรรมชาติ สีต่างๆ อีกด้านนึงของศูนย์ด้านซ้ายมือมีคอร์เนอร์ที่ตกแต่งหรูหรามีแบรนด์ที่ตอนนั้นเรียกไม่ถูกจำได้แต่มีขอบตู้ดิสเพลย์ที่เป็นทอง
เหลืองทรงแปดเหลี่ยมมีน้อต และ นาฬิกาที่วางจำหน่ายก็มีขอบตัวเรือนเป็นรูปแปดเหลี่ยมแปลกตาอีกด้วย เริ่มโตมาอีกนิด มีโอกาสได้อ่านนิตยสารWatch and Jewelryจึงทราบว่าเป็นแบรนด์ออเดอร์มาร์ ปิเกต์ ที่มีตัวย่อว่า AP นั้นนับเป็นหนี่งในห้าเสือของวงการนาฬิกาสวิสเลยถึงหายสงสัยว่าแบรนด์นี้ดีอย่างนี้นี่เองถึงได้มีบูติคนาฬิกาที่หรูหราขนาดนั้น คนบ้านาฬิกาอย่างเราเรียนจบมาแล้วเราก็ยังเวียนวนในการสะสมนาฬิกา/บ้านาฬิกาอย่างหาทางออกไม่ได้กับการสะสมนาฬิกาจึงได้เรียนรู้ว่านาฬิกาแบรนด์ AP นี้มีงานตัวเรือนที่แปลกตา,งานหน้าปัดที่ละเอียดไม่เลอะเทอะ, นวัตกรรมต่างๆของกลไกสลลับซับซ้อน, ฝีมือเชิงช่างประณีตเอกอุและมีดีมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีแล้วครับไม่ใช่เพิ่งมาดีสมัยนี้ ไปค้นต่อในกูเกิลก็พบว่า APเป็นบริษัทเอกชน เริ่มก่อตั้งปีค.ศ.1875 โดย Jules Louis Audemars และ Edward Auguste Piguetซึ่งต่อไปผมจะเรียกท่านย่อๆว่าคุณAudemarsและคุณPiguet ท่านทั้งสองเลือกที่จะตั้งโรงงานผลิตในแหล่งผลิตนาฬิกาหลักของสวิสฯหลายๆแบรนด์ ที่หมู่บ้าน Le Brassus ณ. Vallee De Joux แห่งเทือกเขาจูร่าในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เจ้าของแบรนด์ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กก่อนที่จะมาตกลงเป็นหุ้นส่วนร่วมกันเริ่มก่อตั้งแบรนด์ในปีค.ศ.1875 เมื่อได้ร่วมหุ้นกันแล้วหกปีต่อมาก็เปิดตัวแบรนด์ Audemars Piguet & Cie ตั้งแต่ปีค.ศ.1881 ท่านทั้งสองล้วนมีพื้นฐานอาชีพเป็นช่างนาฬิกาฝีมือดีทั้งคู่เรียกว่าเก่งเจอเก่ง โดยท่านAudemarsนั้นเคยออกแบบและผลิตนาฬิกากลไกจักรกลให้ห้างทิฟฟานี่แอนด์โค ส่วนท่านPiguetนั้นได้มีความชำนาญในการปรับแต่งสอบเทียบความเที่ยงตรงของกลไกนาฬิกา ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมากในสมัยนั้น ผมอยากขยายความแบบนี้ครับ ร้อยกว่าปีที่แล้วนั้น ความเที่ยงตรงของนาฬิกาจักรกลนั้นส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตมนุษยชาติเช่นความเที่ยงตรงของนาฬิกาของเรือเดินทะเลที่ถ้าคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อยก็อาจส่งผลให้เรือหลงทางไปในระยะทางไกลคลาดเคลื่อนจากจุดหมายและอาจไปเจออุปสรรคที่ทำให้เรืออับปางเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เพราะปูมเรือในสมัยนั้นต้องอาศัยช่างแผนที่ กัปตัน ต้นหนที่ชำนาญผสานกับแผนที่การเดินเรือและกำหนดเวลาการเดินทาง/ทิศทางร่วมกับนาฬิกาโครโนมิเตอร์ในเรือเป็นต้น
กลับมาที่ AP เมื่อท่านทั้งสองมารวมกันทำธุรกิจก็ได้แบ่งงานกันอย่างชาญฉลาดเพื่อไม่ให้ทับซ้อนกันโดยท่าน Audemarsรับผิดชอบเรื่องกระบวนการผลิตและเทคนิคการผลิตนาฬิกาและท่าน Piguetรับผิดชอบเรื่องทางด้านแผนการทำธุรกิจและการขายรวมไปถึงการจัดการในบริษัทอีกด้วย ทั้งสองท่านนำกิจการAP ก้าวหน้าไปได้ดีมาก
เวลาผ่านไปถึงเวลาของทายาทรุ่นที่สองนำโดย Paul Louis Audemars และ Paul Edward Piguet และตกทอดมาถึงทายาทรุ่นที่สามคือ Jacques Louis Audemarsปและ Paulette Edward Piguet
ในยุคปี1970นั้นเกิดวิกฤติการตลาดอันยิ่งใหญ่ของแบรนด์นาฬิกาจักรกลหรือที่สมัยนี้เราเรียกว่าการดิสรัปชั่นจากการกำเนิดของนาฬิกาควอทซ์นั่นเอง นาฬิกาแบรนด์สวิสต่างๆ ซวนเซ ล้มหายตายจากตลาดไปมากมายและแบรนด์ APนั้นก็ไม่พ้นที่จะโดนผลกระทบจนย่ำแย่ถึงขนาดใกล้จะต้องปิดบริษัทกันเลยทีเดียว ผู้บริหารAPต่างเคร่งเครียดที่จะหาโอกาสรอดสุดท้ายในวิกฤติที่หนักหนานี้ไปให้ได้ จึงได้กำหนดกลยุทธใหม่ที่มีนวัตกรรมอันสุดยอดด้วยช่องทางเปิดตัวนาฬิกาสปอร์ทแบบหรูหราซึ่งถือว่าฉีกแนวเดิมๆของ APไปหมดสิ้น การเดิมพันครั้งนี้แบรนด์ AP ทุ่มสุดตัวด้วยทรัพยากรเงินทองที่มีอยู่เกือบทั้งหมดของบริษัทซึ่งถ้าไม่รุ่งก็ต้องร่วงไปเลย โดยAPได้มอบความไว้วางใจให้ขุนพลนักออกแบบอัจฉริยะนาม Ge’rald Gentaที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์มาออกแบบจัดสร้างนาฬิกาทรงแปดเหลี่ยมมีสายในตัวที่หรูหราแบบไม่เคยมีมาก่อนนี้แทนที่นาฬิกาทรงกลมธรรมดา แรงบันดาลใจของรุ่นนี้มาจากหมวกในชุดนักประดาน้ำที่มีสกรูยึดชิ้นส่วนต่างๆกันแรงกดดันน้ำลึก APถือโอกาสเปิดตัวนาฬิการุ่นRoyal Oakนี้ในงานบาเซิลปีค.ศ.1972ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ถือเป็นนาฬิกาทำรายได้ให้บริษัทจากยอดขายนาฬิกา Royal Oakได้อย่างดีเยี่ยม อีกกลยุทธที่ APใช้คือสร้างนาฬิกาให้สวยหรูที่สุดแต่วางPositionราคาที่พลิกโฉมของวงการคือการกำหนดราคาวางจำหน่ายในเรือนเหล็กล้วนนั้นมีราคาสูงเกือบเท่านาฬิกาวัสดุทองคำของแบรนด์สวิสอื่นๆเลยทีเดียว โดยเน้นรูปลักษณ์ที่แตกต่าง การขัดแต่งที่คมชัดลึก เส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยเชิงฝีมือช่าง เครื่องกลไกฐานที่ยอดเยี่ยมจากแบรนด์สวิสเช่น เครื่องฐานจาก Jaeger เป็นต้น
นาฬิกา Royal Oak นี้ถือเป็นจุดพลิกผันของแบรนด์มากู้สถานการณ์จากการจะล้มละลายมาเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและพลิกโฉมของวงการนาฬิกาอีกด้วย เพราะนาฬิกาสปอร์ทในยุคนั้นเป็นนาฬิกา TOOL WATCH เป็นส่วนใหญ่สำหรับผู้ใช้งานจริง เน้นถึกทน และฟังค์ชั่นการใช้งาน ไม่ต้องสวยงามมีศิลปะมากมาย เช่นนาฬิกานักดำน้ำ นาฬิกานักสำรวจขั้วโลก ฯลฯ ไม่ใช่นาฬิกาสปอร์ทที่แฝงความหรูหราสำหรับนักสะสมชั้นสูงครับ
ในปี1993วาระเฉลิมฉลอง20ปีของสายการผลิต AP Royal Oak ทางแบรนด์ได้มอบหมายให้ Emmanuel Gueitทำการออกแบบนาฬิการุ่น Royal Oak Offshoreออกวางจำหน่ายในปี1993 ขยายขนาดตัวเรือนจาก39มมเป็น42มม. และก็แน่นอนว่าได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากนักสะสมนาฬิกาทั่วโลกและประสบความสำเร็จจากยอดขายเป็นอย่างดี
นาฬิกา Audemars Piguetนั้นมีมากมายหลายรุ่นทั้งนาฬิกาแนวเดรสและแนวสปอร์ทเน้นความหรูหราและการออกแบบที่สวยงามลงตัวมีเอกลักษณ์และตำนานของแต่ละรุ่น จึงสามารถยืนหยัดเป็นหนึ่งในห้าเสือของนาฬิกาสวิสฯจากอดีตมาปัจจุบันอายุอานามแบรนด์ถึงถึงร้อยสามสิบกว่ากว่าปีครับ
เขียนโดย โย ยอดพยัคฆ์ โดยได้รับอนุญาตจากพี่พูลศักดิ์ให้ลงเผยแพร่ในเวปไซต์มีเจตนาเพื่อการเผยแพร่ความรู้และการศึกษาของนักสะสมครับ
รวบรวมข้อมูลจากกูเกิล วิกิพีเดีย Websiteนาฬิกาต่างๆ และความรู้สึกของผมส่วนตัวล้วนๆครับ
ถ้ามีข้อผิดพลาดกระผมขออภัยล่วงหน้าครับ